Go Well 3.3k

สุขใจในดินแดนเพียง พอ สุข

12 January 2021 เรื่อง จิตวัต โซวพิทักษ์วัฒนา ภาพ จิตวัต โซวพิทักษ์วัฒนา

ดินแดน เพียง พอ สุข
“สุขใจในดินแดน เพียง พอ สุข”

การลงพื้นที่เพื่อสำรวจและเตรียมงาน “มีนา มีข้าว มีกิน” ทริปชวนคนเมืองไปเกี่ยวข้าวของ the LIVING KAFE ที่อยากนำทุกคนไปหายใจให้ชุ่มปอดโดยไม่ต้องกลัว PM 2.5 พร้อมทำความรู้จักกับความสำคัญของข้าวออร์แกนิก เรียนรู้ประเพณี และเข้าใจวิถีเกษตรกร ทำให้เราได้รู้จักกับ “ดินแดน เพียง พอ สุข”

“ดินแดนเพียง พอ สุข” เป็นดินแดนแห่งความสุขเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในตำบลหนองบัว อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย ที่มีหลากหลายความสุขให้เราได้เก็บเอาเป็นความทรงจำดีดีกลับบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเเหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมที่หยิบเอาวิถีชีวิตของชาวบ้านมาจัดเเสดงให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด, คาเฟ่และร้านอาหารริมท้องนา “Cafe De Mena” ที่มาพร้อมอาหารรสมือแม่ กาแฟดีๆ และน้องควายสุดน่ารัก, บ้านพักที่พร้อมให้พวกเราได้ไปพักผ่อนชาร์ตแบตให้เต็มเพื่อพร้อมกลับไปใช้ชีวิตในเมืองกันแบบพอดีและมีความสุข

ตาม ‘บอส-จิตวัต โซวพิทักษ์วัฒนา’ นักเดินทางตามหาวัตถุดิบของเราไปชมชิ้นส่วนความสุขที่หาไม่ได้จากเมืองหลวงพร้อมกันได้เลย

Cafe De Mena – คาเฟ่ดี มีนา

คาเฟ่ดีมีนา เป็นร้านกาแฟและร้านอาหาร มีบรรยากาศริมท้องนาที่แสนสบายและอบอุ่นให้พร้อมไปกับการรับประทานอาหาร จิบกาแฟ ซึ่งเครื่องดื่มและอาหารก็มีการนำเอาวัตถุดิบที่ปลูกในสวนรอบๆ ได้รับทั้งความอร่อยและความสดใหม่

พี่หนูดี

พี่หนูดีเป็นคนที่ขับเคลื่อน ดูแล และจัดการทุกสิ่งทุกอย่างในดินแดนเพียง พอ สุข เเห่งนี้ โดยส่วนหลักๆ แล้วพี่หนูดีจะดูแลร้านกาแฟ หลังจากที่พี่หนูดีได้ไปร่ำเรียนทำกาแฟมา ได้เปิดร้านกาแฟให้เป็นส่วนหนึ่งในการรองรับนักท่องเที่ยวที่ได้เข้ามาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มีชีวิตแห่งนี้ นอกเวลาพี่หนูดียังเป็นคุณครูที่คอยให้ความรู้กับเด็กนักเรียนในชุมชนใกล้เคในการทำเกษตรอินทรีย์อีกด้วย

ในการเดินทางไปครั้งนี้ เราได้ไปสำรวจพื้นที่ เพื่อทำกิจกรรมสำหรับ the LIVING KAFE Workshop ที่จะพาเพื่อนๆ มาร่วมกันปลูกข้าวในแบบของนาโยน ซึ่งเราก็จะใช้พื้นที่นาข้าวอินทรีย์แปลงนี้ให้ทุกคนได้โยนข้าวกัน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งในดินแดน เพียง พอ สุข ที่ให้ผู้คนได้ลงมาสัมผัสนาข้าวอย่างใกล้ชิด โดยส่วนมากใช้วิธีการปลูกแบบนาโยน เพื่อให้เหมาะกับบริบทของพื้นที่นี้

การที่เราจะปลูกข้าวแบบนาโยนได้นั้น ต้องมีการเพาะต้นกล้าใส่เป็นแผงๆ ไว้ก่อน เพื่อเตรียมความพร้อมให้พวกเราได้เอาต้นหกล้าเหล่านี้ไปปลูกกันแบบนาโยน ซึ่งวิธีการทำนาโยนมีขั้นตอนง่ายๆ เพียงดึงต้นกล้าขึ้นมาจากถาดแผง จากนั้นโยนต้นกล้าขึ้นไปบนอากาศ ให้ต้นกล้าตกลงมาทำมุม 90 องศากับพื้นดิน เพียงเท่านี้เราก็สามารถปลูกข้าวได้แล้ว

เมื่อที่นี่มีความโดดเด่นเรื่องข้าว การมาที่นี่จะต้องไม่พลาดที่จะได้ชิม “ข้าวห้าสี” พี่หนูดีและพี่ๆ ชาวนาทุกคนได้ลงมือลงแรงช่วยกันปลูกข้าว อยากจะให้เพื่อนได้มาลองชิมข้าวห้าสีกัน

คาเฟ่ดีมีนา นอกจากการนำเอาพืชผักผลไม้ที่ปลูกในสวนของตัวเองมาทำเป็นอาหารและเครื่องดื่มแล้ว ยังมีแคมเปญน่ารักๆ เกี่ยวกับการลดโลกร้อนกัน โดยมีการเขียนโน้ตไว้ที่กระดานสำหรับคนที่รับประทานอาหารที่ร้าน และลดการใช้วัสดุที่ไม่จำเป็นอีกด้วย

เด็กๆ เหล่านี้เป็นเด็กจากโรงเรียนในพื้นที่บริเวณรอบๆ นี้ เป็นโรงเรียนประถมเล็กๆ ที่คุณครูพาออกมาเรียนรู้นอกสถานที่กับพี่หนูดี เพื่อให้เด็กๆ ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ที่นอกเหนือจากทฤษฎีที่พวกเขาเจอมา

ในดินแดนเพียง พอ สุข แห่งนี้มีพื้นที่สำหรับการทดลองทำปุ๋ยอินทรีย์ และพี่หนูดีได้พาเด็กๆ มาเรียนรู้วิธีการทำปุ๋ยอินทรีย์ โดยอธิบายจากความหมาย วิธีการทำ องค์ประกอบ สัดส่วนในการผสม ซึ่งสามารถให้เด็กๆ ได้กลับไปลองทำกันเองได้ที่บ้าน

การเรียนรู้ที่สำคัญ คือ การได้ลงมือทำ ได้ลองผิดลองถูก ซึ่งบางทีอาจจะไม่ได้จากห้องสี่เหลี่ยมที่พวกเรากำลังนั่งอยู่ก็ได้ แต่หาได้จากห้องเรียนที่เปิดกว้างให้พวกเขาได้คิด ได้ทำ ได้เชื่อในสิ่งที่พวกเขาได้พบเจอ