เราเชื่อว่าทุกคนที่เดินทางโดยรถขนส่งสาธารณะมักจะใช้เวลายาวนาน “เป็นชั่วโมง” บนถนนของกรุงเทพมหานครแห่งนี้ เราเป็นคนหนึ่งที่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อขึ้นรถเมล์ โดยเผื่อเวลาถึง 2 ชั่วโมงแทบทุกวัน เพราะถ้าไม่เผื่อเวลา นอกจากจะได้นอนหลับเก้อบนรถเมล์แล้ว น่าจะได้เข้างานสายเพราะรถติดด้วย นี่คงจะปัญหาที่ชาวรถเมล์อย่างเรา ๆ เข้าใจกันดี ว่าการเดินทางแต่ละครั้งนั้นสูบพลังแค่ไหน
ฉะนั้นเราเลยลองเปลี่ยนการเดินทางที่ทำให้สลบทุกวัน เป็นการเติมพลังให้ตัวเองในแต่ละวันแทน โดยลองสังเกต และมีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว หากเราทำได้ ทุก ๆ คนก็สามารถทำได้เหมือนกัน เราไม่ได้มองโลกในแง่ดีไปทั้งหมด แต่เราแค่เลือกที่จะมอง แล้วทำให้วันนั้นเริ่มต้นด้วยอะไรดี ๆ
ใครจะไปคิดว่าการได้นั่งเรื่อยเปื่อยมองออกไปนอกหน้าต่างรถเมล์ธรรมดา กลับทำให้เราค้นพบ “เสน่ห์” บางอย่าง ทำให้ความธรรมดาที่เคยมองข้ามกลายเป็นความพิเศษขึ้นมาได้ แม้สิ่งที่เราพบเจอระหว่างทางจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เพราะเป็นเรื่องบังเอิญเลยทำให้เราเฝ้ารอคอยทุก ๆ วันว่า “วันนี้จะเจออะไรบ้าง?” จนเราเองก็เกือบลืมไปเลยว่าเคยเบื่อหน่ายกับรถติดมาก่อน
วันนี้ Diary นั่งรถเมล์ของเราจะพาทุกคนไปผจญภัยบนรถเมล์สาย 60 จากนอกเมือง ตั้งแต่เส้นนวมินทร์เข้าสู่ใจกลางเมืองอย่างราชดำเนิน ด้วย ‘ระยะทาง 25 กิโลเมตร เวลา 1 ชั่วโมง 50 นาที และ 57 ป้ายรถเมล์’ กัน!
ปล. บันทึกการเดินทางครั้งนี้เป็นเพียงแค่การผจญภัยที่เราพบเจอ ใครที่ผ่านมาอ่าน อย่าลืมไปตามหาเส้นทางการผจญภัยระหว่างทางของตัวเองกันนะ : )
Content Writer : นภัสสร ชัยศิลป์
Photographer : จิตวัต โซวพิทักษ์วัฒนา / นภัสสร ชัยศิลป์
Graphic : ธนกร กองรัมย์
ก่อนออกเดินทาง
‘รถเมล์เสี่ยงทาย’
รถเมล์สาย 60 มีให้บริการ 2 แบบ ทั้งรถเมล์สีครีมแดงทั่วไป และรถเมล์ NGV สีฟ้ารุ่นใหม่ ทุกเช้าเวลา 7 โมงตรง เราจะต้องมาเสี่ยงโชคว่าจะได้ขึ้นรถคันไหน บางวันได้รถสีแดงก็จะกินลมชมวิวอินไปกับธรรมชาติหน่อย แต่ถ้าวันไหนได้นั่งสีฟ้าก็เตรียมตัวหนาวเพราะแอร์ตกได้เลย
ออกเดินทาง
‘ที่นั่งประจำ’
เวลาขึ้นรถเมล์ แต่ละคนก็จะมีมุมที่ชอบ และที่นั่งที่ใช่ต่างกันไป บางวันคนน้อยก็จะดีหน่อยเพราะได้จับจองที่นั่งตามความต้องการ แต่วันไหนที่คนเยอะก็คิดซะว่าโชคเลือกที่นั่งให้เราแล้วกัน
แต่มุมโปรดของเราคือด้านหลังของรถเมล์ เพราะจะทำให้ได้เห็นผู้คนทั่วทั้งคัน บางคนต้องรีบวิ่งขึ้นมาบ้างเพราะรถเมล์จอดเลยป้าย หรือบางคนขึ้นรถมาแบบยังไม่ตื่นดีก็มี ซึ่งเราเป็นหนึ่งในนั้นเอง
คนรู้ทาง
‘กระเป๋ารถเมล์’
เพราะการเดินทางทุกวัน ทำให้เราเจอผู้คนใหม่ ๆ ทุกวัน แต่บางวันโลกก็โคจรมาให้พบกันอีกครั้ง อย่างกระเป๋ารถเมล์ที่เราจำได้ก็ให้ความรู้สึกคุ้นเคยไปอีกแบบ เหมือนได้เดินทางร่วมกันกับเขาอีกครั้ง หรืออาจจะมีใครจำได้เป็นคู่ ทั้งกระเป๋ารถเมล์ และคนขับเลยก็ได้
ลุงคนนี้ก็เป็นหนึ่งในกระเป๋ารถเมล์ที่เราจำได้ และมักจะเจอเวลาเดินทางไปยังที่ฝึกงานอยู่บ่อยครั้ง
เพื่อนร่วมทาง
‘ผู้โดยสาร’
“แตกต่าง (แต่) เหมือนกัน”
รถเมล์เป็นเหมือนสถานที่ ๆ รวมผู้คนต่างวัยเข้าด้วยกัน ผู้คนที่พบเจอจะแตกต่างกันไปตามช่วงเวลา ตอนเช้าเจอทั้งนักเรียนและวัยทำงาน หรือแม้แต่ผู้สูงอายุที่เดินทางไปตลาดเช้าก็มี แม้เป้าหมายการเดินทางจะต่างกัน แต่ทุกคนก็ได้มาร่วมการผจญภัยในรถคันเดียวกัน
นอกจากนี้สิ่งที่ทุกคนมีคล้ายกันคือการใช้เวลาบนรถเมล์ไปกับโทรศัพท์ และหูฟัง แต่หากเริ่มเคลิ้มหน่อยก็จะใช้เวลาในการนั่งรถเมล์ในพักผ่อนซะหน่อย
.
ระหว่างทาง
‘เพราะรถติด เราจึงได้มองเห็น’
– ท่านั่งเดียวกัน –
เพราะอากาศมันร้อน การยื่นหน้า เท้าแขนออกนอกหน้าต่างให้ลมตีหน้า จึงเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้โดยสารที่นั่งรถพัดลม แต่ไม่คิดว่าจะบังเอิญตั้งท่าเดียวกันขนาดนี้
ร้านเปิดโทรสั่งงานได้
แถวนวมินทร์มีร้านทำป้ายไม่น้อยเลย และขึ้นชื่อว่าร้านทำป้าย ป้ายที่โชว์ก็คงจะธรรมดาไม่ได้ โดยเฉพาะในเศรษฐกิจแบบนี้ ใครที่ตามหาร้านทำป้ายก็โทรสั่งเขาได้นะ เพราะ ‘ไม่ทำก็อดตาย’
ยืนยาว
ใครที่เดินทางด้วยรถสองแถวประจำคงจะรู้ว่าที่ยืนตรงนี้เป็นแรร์ไอเทม เพราะนอกจากจะได้ยืนรับลมยาว ๆ แล้ว ก็ไม่ต้องเข้าไปนั่งอัดกับคนข้างใน แต่ถ้าใครไปยืนบ่อย ๆ ก็ระวังตกกันด้วยนะ เราเป็นห่วง
คิวยาว
นอกจากชาวรถเมล์ที่ยืนรอรถเมล์แต่ละสายด้วยความอดทนแล้ว ใครเป็นชาวรถตู้ก็ต้องปาดเหงื่อไม่แพ้กัน เพราะช่วงเช้าคนเข้าคิวกันยาวซะเหลือเกิน
ซิ่งยาว
ถ้ารถโดยสารเร็วไม่ทันใจพอจนกลัวว่าจะไปไม่ทัน ก็ต้องใช้วิธีซิ่งซิกแซกไปกับมอเตอร์ไซค์ แต่เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางควรสวมหมวกกันน็อคป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนนกันไว้ด้วยนะ
ติดยาว
ช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาที่น่าหงุดหงิดที่สุดสำหรับหลาย ๆ คน เพราะการติดอยู่บนถนนนาน ๆ เป็นเรื่องที่ไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่ โดยเฉพาะปัญหาที่แก้ไม่หายของรถติดในกรุงเทพที่แทบนิ่งสนิทเหมือนรถจอด แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ติดแหงกตัวคนเดียว เพราะยังมีอีกหลายร้อยคันขยับไปไหนไม่ได้เหมือนกัน
ติด (ทน) นาน
นอกจากรถที่ติดแหงกอยู่บนท้องถนนนาน ๆ แล้ว เคยสังเกตไหม? ว่าป้ายโฆษณาที่แปะตามกำแพงสังกะสีต่าง ๆ ก็ติดทนนานไม่แพ้กัน และไม่ว่างานนั้นจะถูกจัดจนผ่านไปนานเป็นปีแล้ว แต่ป้ายก็ยังคงอยู่ เว้นแต่กาลเวลาจะทำให้ลอกหลุดไปเอง
อยู่รอ
ร้านขายของที่คุ้นเคยกันดีในวัยเด็ก ทั้งขนม และของเล่นตั้งวางเรียงรายรอเวลาที่เด็กเลิกเรียน ซึ่งชวนให้นึกถึงแต่ก่อนว่าเมื่อก้าวออกมาจากประตูโรงเรียนแล้ว จะตื่นเต้นที่ได้มาเลือกซื้อของที่นี่กับเพื่อน ๆ
อยู่นาน
เคยไหม? เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณว่ารถไฟกำลังจะมา หากเป็นตอนเด็กคงดีใจไม่น้อยที่จะได้เห็นขบวนรถไฟวิ่งผ่านตา แต่เมื่อโตมาความรู้สึกเหล่านั้นมันหายไป เหลือเพียงแต่ความรีบร้อนในเมืองใหญ่ที่มองว่าขบวนรถไฟคือตัวถ่วงเวลาเดินทาง
มอง (สาย) ไฟ
แม้ในกรุงเทพจะเต็มไปด้วยสายไฟรกรุงรัง หรือพันกันบ้าง แต่บางครั้งการได้มองวิวผ่านสายไฟเหล่านั้นก็กลายเป็นกรอบรูปที่ดีให้ได้เหมือนกัน
มองฟ้า
เมื่อรถติดการมองท้องฟ้าจึงกลายเป็นงานอดิเรกไปแล้ว บางครั้งถึงกับได้รูปท้องฟ้าเป็นอัลบั้มเก็บไว้ดูว่า ‘ท้องฟ้าวันนี้หน้าตาเป็นยังไง?’ ใครที่เหนื่อยจากการเดินทางนาน ๆ ก็ลองมองดูท้องฟ้าระหว่างทางไปด้วยกันก็ได้นะ
มาเป็นคู่
ระหว่างรอลูกค้าเลิกงาน หรือเลิกเรียนกลับบ้านช่วงเย็น พี่วินก็จะคิวว่างหน่อย เลยมีเวลาให้ตัวเองได้พักจับหน้าจอ ก่อนจะเปลี่ยนไปจับแฮนด์ขับรถแทน
มาเป็นคี่
สงสัยจะเป็นการเดินมาตามทางที่ยาวนาน เพราะตั้งแต่รถติดที่ถนนใหญ่ ขยับมาถึงสะพานลอยอีกฝั่งหนึ่งของถนน พ่อ แม่ ลูก 3 คนนี้ก็ยังคงเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ โดยมีลูกชายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จากการหยอกล้อกับคุณพ่อตอนขี่คอ
มากับดวง
ไม่รู้ว่าเพราะเช้าเกินไป หรือเพราะรถไม่ค่อยมี ถึงได้เดินข้ามถนนแบบไม่ต้องกังวลอะไร ซึ่งเป็นอีกความฝันหนึ่งที่เราอยากลองเดินข้ามถนนยามเช้าแบบโล่ง ๆ ในกรุงเทพดูสักครั้งโดยไม่ต้องวิ่งหลบรถ
มากับจั๊ก
เป็นอีกมุมมองหนึ่งที่ชอบมองลงมาเวลารถติดบนสะพาน เพราะทำให้เห็นอะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความวุ่นวายของเมือง และผู้คน หรือรถติดเป็นพรวนบนถนนที่ไม่ขยับ มันช่างต่างกับการปั่นจั๊ก (จักรยาน) ของคุณลุงที่สวนทางแบบไปต่อไม่รอแล้วนะ ก็ดูมีอิสระดีเหมือนกัน
มากับเธอ
ถึงเวลาที่เราต้องลงจากรถ และจบบันทึกการเดินทางบนรถเมล์สาย 60 เพียงเท่านี้ แม้จะเป็นแค่การเดินทางเที่ยวเดียว แต่ก็ทำให้เราพบเจออะไรมากมาย และต่อให้การผจญภัยบนรถรอบนี้จะจบลง แต่มันก็เป็นเพียงจุดจบเพื่อเริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหม่ในวันพรุ่งนี้เท่านั้น
“ไว้พบกันใหม่นะ…”
หวังว่า “บันทึก ‘ระหว่างทาง’ ของเด็กฝึกงานบนรถเมล์สาย 60” จะทำให้พวกคุณลองมองสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว ทั้งผู้คน และวิถีชีวิตของเหล่าคนตัวเล็กในเมืองใหญ่ หรือจะเป็นชาวรถเมล์ด้วยกันก็สนุกไปอีกแบบ เพราะการเดินทางทุกวันก็ไม่ได้แย่เสมอไป ถ้าได้ลองเปิดใจแบบที่เราเปิดใจ การนั่งอยู่บนรถเมล์ธรรมดา ๆ อาจกลายเป็นการผจญภัยที่น่าจดจำระหว่างทางของเราสักวันหนึ่งก็ได้นะ
Contributors
Trawell Thailand
Writerจิตวัต โซวพิทักษ์วัฒนา
Photographerวัยรุ่นตอนปลายที่เชื่อแล้วว่า "พุงเบียร์" นั้นมีอยู่จริง